Monday, May 25, 2015

แนะนำตัว + Present Simple Tense!




            สวัสดีค่าเพื่อนๆ ทุกคนนน เค้าชื่อเนานะตะเอง รู้จักกันดีอยู่แล้วใช่มั้ยล่า บล็อกนี้เนาทำขึ้นมาเพราะรู้สึกคิดถึงเพื่อนๆ สมัย ม. ปลายเป็นอันมากเนื่องจากสมัย ม. ปลายนั้นชอบพล่ามเกี่ยวกับภาษาอังกฤษให้เพื่อนได้อ่านกัน แล้วตอนนี้เลยคิดว่าน่าจะทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย
            อีกสองอาทิตย์จะเปิดเทอม ฮัลโหล ทำไมชอบมาริเริ่มทำอะไรตอนที่กำลังจะไม่ว่างทุกทีเลยฟระ แต่เอาเถอะ หญิงอยู่บ้านเฉยๆ หญิงก็เบื่อ ทีวีหญิงโดนแม่แย่งดู หญิงจะพล่ามอะไรเด็จแม่จะขัดหม้อขัดกระทะอะไรได้หมดแต่เด็จแม่ห้ามขัดใจหญิง แต่เดี๋ยวห้องน้ำหญิงขัดเอง
            หญิงเป็นคนไทยค่ะ เกิดและใช้ชีวิตที่แบ้งคอก คอกวัวคอกควาย คนไทยแท้ๆ จะตอแหลไปทำไม แบบ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าภาษาอังกฤษพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้ยังไง ก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่ง แต่เนาเข้าใจภาษาอังกฤษค่อนข้างดี ผ่านสนามสอบมาเยอะเพราะสมัยก่อนมีความทะเยอทะยานอยากมีสหายเป็นฝรั่ง สอบชิงแม่งทุกทุนยกเว้นเอเอฟเอสเพราะสมัครไม่ทัน ก็ผ่านแต่ไม่ผ่านทุนเต็มเลยอดไป
            ถามว่าแล้วมีอะไรมาการันตีความสามารถความน่าเชื่อถือของข้อมูล ตอบเลย ไม่มี เชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่ต้องอ่าน นะเพื่อนๆ รักนะจุฟ แต่เห็นอย่างนี้เค้าก็ไปอยู่ต่างประเทศรอดนะเออ เค้าไปอยู่มาเลมาสองเดือน พูดมาเลไม่เป็นดั้ว อยู่ได้ไง เก่งจัง
            เอาล่ะเพื่อนๆ เชื่อว่าส่วนใหญ่ที่เข้ามาอ่านนี่คือคนที่คุณกูไปส่งลิงก์ให้ในไลน์ 55555 รักเนาขอให้อ่าน เกลียดเนาก็ขอให้อ่าน เนารักภาษาอังกฤษมากนะเออ เดี๋ยวเราจะมาคุยกันชิทแชทชิชะฮิฮะนะจ๊ะตัวเธอ
            เรามาเริ่มกันดีกว่าตัว ทุกๆ อย่างเริ่มต้นจากปัจจุบันเพราะฉะนั้นเรามาเริ่มกันที่ Present ทั้งหลายกันดีกั่ว (ไวไปป้ะวะ 555) ไวไปก็อ่านช้าๆ ละกัน ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าเท้นส์แม่งมีทั้งหมด 12 เท้นส์ โคตรพ่อโคตรแม่จำควายมากถ้าสักแต่จะจำ ดูรูปนี้ดีๆ นะ

            เราจะมาโฟกัสที่สีฟ้าตรงกลางกันก่อน สรุปแล้วจะมีสี่เท้นส์
1. Present Simple Tense
 2. Present Continuous Tense
3. Present Perfect Tense
 4. Present Perfect Continuous Tense
            ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบไปโฟกัสอันที่สี่ มึงเอาเพรสเส้นซิมเปิ้ลให้รอดก่อน ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เวลากินอย่าเร่ง เดี๋ยวเวลาเบ่งมันจะแสบนะคะ
            Present Simple Tense
            Present แปลว่าปัจจุบัน Simple แปลว่าง่าย เพราะฉะนั้นเพรสเส้นซิมเปิ้ลก็แปลว่าปัจจุบันง่ายๆ...
            พ่องสิ เวลาสอบนี่กูแทบตาย คิดงี้กันใช่ป้ะล่ะ
            เสต็ปแรกคือตั้งสติก่อนสตาร์ท
             เรามาดูรูปประโยคกันก่อน

            *ในกรณีของประโยคบอกเล่า ถ้าประธานเป็น เอกพจน์ he, she ,it, ลอร่า, ทอม, หมา, แมว บลาๆ ที่เป็นคนเดียวและไม่ใช่ I หลังกริยาแท้ต้องเติม s หรือ es เพื่อความซาบซ่านนะจ๊ะ
                       
 

       
           เวิร์บทูดูก็คือ Do กับ Does
            Do ใช้กับ I, you, we, they และประธานพหูพจน์ (หลายคน)
            Does ใช้กับ He, she, it และประธานเอกพจน์ทั้งหลาย
            เพรสเส้นท์ซิมเปิ้ลเกิดมาเพื่ออธิบายเหตุการณ์ที่...
            -เป็นจริงเสมอ
          -เป็นปกติ เป็นรูทีน
          -เป็นจริงขณะพูด
          -เหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตที่แน่นอนแบบมีตารางเวลาไว้แล้ว
            เยอะป้ะล่ะ จำควายเลยอะ เรามาดูอันแรกกันก่อน
            -เป็นจริงเสมอ... อะไรคือสิ่งที่เป็นจริงเสมอบ้างล่ะ
            ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
            The sun rises in the east. ใช้เพรสเส้นท์ซิมเปิล ง่ายๆ ไปเลย
            มีอะไรอีก?
            I don’t speak French. ฉันไม่พูดภาษาฝรั่งเศส ใช่แล้ว แค่ไทยกับอังกฤษกูก็จะกระอักเลือดตายอยู่แล้ว ความหมายของประโยคนี้จึงเป็นความจริงทุกประการ           
            ไหน มีอะไรอีก?
            ฉันสวย
            I am beautiful.
            เป็นไง ง่ายมั้ย แต่เดี๋ยวก่อน เราเชื่อว่ายังมีคนบางคนเชื่อว่าประโยคที่มี is am are จะต้องเป็น Present Continuous เท่านั้น! อย่ากระนั้นเลย
            การจะเป็น Present Continuous ได้นั้นจะต้องประกอบไปด้วยสองอย่างก็คือ Verb to beที่เป็นกริยาช่วย(เพื่อบอกว่ากูกำลังทำอยู่) และ กริยาแท้เติม ing
            ส่วน I am beautiful. นั้น ไม่มีกริยาแท้เติมไอเอ็นจี คำว่า am ในประโยคนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย ไม่ได้บอกว่ากูกำลังสวยอยู่ แต่มันมีหน้าที่เป็นกริยาแท้ซึ่งความหมายของมันก็คือ เป็น อยู่ คือ
            ฉันเป็นคนสวย ประโยคนี้เข้าข่ายเป็นเพรสเส้นท์ซิมเปิ้ลอย่างไม่ต้องสงสัย

            -อันที่สอง เหตุการณ์ปกติ เป็นรูทีน เหตุการณ์ที่ทำอยู่ทุกวัน อย่างเช่น
            I eat sandwiches every day. ฉันกินแซนวิชทุกวัน
            She wakes up late every day. เธอตื่นสายทุกวัน
            และแล้วคำถามหนึ่งก็บังเกิดขึ้นว่า ถ้าสมมติไม่ได้ทำทุกวันล่ะ เช่น ฉันไปหาหมอฟันทุกหกเดือน แน่นอน ใครจะไปหาหมอฟันทุกวัน ญาติฝ่ายป่าปี๊เป็นหมอฟันรึไง หรือไม่ก็เงินเหลือเฟือ เอาล่ะ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ไปหาหมอฟันทุกวัน แต่เราก็ไปหาทุกๆ หกเดือนเป็นปกติ แบบนี้ก็ใช้เพรสเส้นท์ซิมเปิ้ลค่ะ
             I see the dentist every six months. หรือ I see the dentist twice a year. ก็ได้ ความหมายเดียวกันเลยค่ะ
            เพราะฉะนั้นแล้วการจะใช้เพรสเส้นท์ซิมเปิ้ลได้นั้นไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน ขอแค่ทำเป็นกิจวัตรก็พอแล้ว

            -อันที่สาม เป็นจริงขณะพูด แต่หลังจากพูดแล้วจะเป็นจริงหรือเปล่าก็สุดแท้แต่เหตุการณ์
            อย่างเช่น แมนดี้ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ บิลลี่จึงพูดขึ้นมาว่า Mandy stands under the tree. ส่วนหลังจากที่บิลลี่พูดจบแล้วแมนดี้จะนั่ง จะนอน จะกลิ้งจะเกลือกอะไรก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
            I have a lot of novels. ฉันมีหนังสือนิยายมากมาย
            Nan is my close friend. นันเป็นเพื่อนสนิทของฉัน
            เหล่านี้ล้วนเป็นความจริงในขณะที่พูดทั้งสิ้น ไม่มีอะไรยากเลยเห็นป่ะ

            -อันที่สี่ เหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคตที่แน่นอนแบบมีตารางเวลาไว้แล้ว
            ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนดีป้ะ จริงๆ มันง่ายมากเลยนะ ลองนึกภาพสนามบิน พอจะเห็นเค้ารางๆ ยัง?
            ถ้ายังเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง เนากำลังจะบินไปกัวลาลัมเปอร์พรุ่งนี้เก้าโมง  ซึ่งการที่เครื่องบินจะออก จะต้องกำหนดตารางเวลาไว้แล้ว เพราะฉะนั้นในกรณีนี้ ถึงจะเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้เกิดในปัจจุบัน  แต่ถูกกำหนดตารางไว้แล้วในอนาคต จึงใช้เพรสเส้นท์ซิมเปิ้ลได้เลยว่า
            The plane leaves for Kuala Lumpur tomorrow at nine.
            เครื่องบินออก(ไปยังกัวลาลัมเปอร์)พรุ่งนี้เก้าโมง

            ง่ายป้ะ
            เพรสเส้นท์ซิมเปิ้ลเป็นเท้นส์ที่ง่ายที่สุดแล้วนะเนาว่า แต่เขียนมาถึงตรงนี้ได้ก็แทบหืดขึ้นคอเลย การอธิบายอะไรให้ดูเข้าใจง่ายๆ นี่มันยากจริงๆ นะ ถ้าเพื่อนๆ ไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามได้เลยนะ ทิ้งคำถามไว้ในคอมเม้นท์หรือส่งไลน์มาก็ได้ แล้วคราวหน้าเนาจะมาต่อเรื่อง Present Continuous ให้ทุกคนได้อ่านกัน ใจเย็นๆ นะทุกๆ คน เหนื่อยจัง TOT วันนี้ขอลาก่อน ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม(จะมีคนติดตามหรา) ขอบคุณภาพจากกูเกิ้ล และ Until next time…
            See you!!

Sabaku Nao
           


           



No comments:

Post a Comment